ประวัติ ของ อันโตนีโอ กรัมชี

ชีวิตในซาร์ดิเนีย ค.ศ. 1891 - 1911

อันโตนิโอ กรัมชี (เกิดวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1891) ที่เมือง Ales เกาะซาร์ดิเนีย ซึ่งเป็นแถบบริเวณยากจน และประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม. พ่อของอันโตนิโอ กรัมชี หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานเป็นเสมียนให้กับรัฐบาล และต่อมาต้องถูกจับในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ส่งผลให้แม่ของอันโตนิโอ ต้องประสบปัญหาอย่างมากในการเลี้ยงดูอันโตนิโอ และพี่น้องรวมอีก 6 คน โดยการหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างตัดผ้า

ในวัยเด็กขณะที่เขามีวัยเพียง 4 ปี เขาได้พลัดตกจากอ้อมแขนของพี่เลี้ยง อุบัติเหตุในครั้งนั้นส่งผลส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังของเขา ซึ่งส่งผลให้เขาต้องกลายเป็นคนหลังค่อม และมีปัญหาทางสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนับแต่นั้นเป็นต้นมา. กรัมชีเป็นเด็กที่เรียนได้ดี แต่เนื่องจากสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่มีข้อจำกัดทำให้ครอบครัว ไม่สามารถส่งเขาให้เรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นหากเขาต้องการเข้าเรียนต่อในระดับสูงเขาจะต้องสอบชิงทุนการศึกษาให้ได้ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้สำเร็จเมื่อสามารถสอบชิงทุนทั่วประเทศได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยตูริน ณ เมืองตูริน เมืองที่มีความเจริญทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ที่ต่างไปจากซาร์ดิเนียแหล่งกำเนิดของเขา

ชีวิตในตูริน ค.ศ. 1911-1920

กรัมชีเริ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยตูรินในปี ค.ศ. 1911 และได้ศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ (Linguistics) แต่ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้กรัมชีไม่สำเร็จการศึกษาดังที่ได้ตั้งใจไว้. ต่อมาในปี ค.ศ. 1913 กรัมชีได้เข้าร่วมกับพรรคสังคมนิยมอิตาลี (Italian Socialist Party หรือ PSI) และได้เริ่มมีบทบาทในการเริ่มงานเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ของพรรค ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาในปี 1916 เขาก็ได้เริ่มทำงานด้วยการยึดอาชีพนักหนังสือพิมพ์ และเขียนให้กับ Il Grido del Popolo และ Avanti!เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 คือ ได้เกิดการปฏิวัติในรัสเซีย โดยพรรคบอลเชวิก ภายใต้การนำของวลาดีมีร์ เลนิน โดยในปีเดียวกันนั้น กรัมชีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการให้กับ PSI สาขาตูรินด้วย. เหตุการณ์สำคัญนอกจากนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ตูรินของกรัมชีได้แก่การที่ เบนิโต มุสโสลิได้ก่อตั้งพรรค Fasci Italiani di Combattimento ขึ้นที่มิลาน ในปี ค.ศ. 1919 และในปีเดียวกันได้มีการจัดการประชุมคอมมิวนิสต์สากล (Comintern) หรือสากลที่สามขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงมอ[3]

สมัยฟาสซิสต์ และพรรคคอมมิวนิสต์อิตาลี (Fascism and the PCI) ค.ศ. 1921-1926

ชีวิตในช่วงเวลาต่อมาของกรัมชีเป็นยุคสมัยฟาสซิสต์เรืองอำนาจ โดยที่ในปี ค.ศ. 1921 พรรคคอมมิวนิสต์อิตาลี (PCI) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นไล่เลี่ยกันกับการเกิดขึ้นของพรรคฟาสซิสต์แห่งชาติ (National Fascist Party). ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 กรัมชีได้รับเลือกจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์อิตาลีให้เป็นตัวแทนไปในการประชุมผู้บริหารคอมมิวนิสต์สากล (สากลที่สาม) หรือ Comintern ที่มอสโก และอีกทั้งเขาได้พบกับภรรยาของเขาในเวลาต่อมา คือ Julia Schucht ขณะที่ในปีเดียวกันนั้น พรรคฟาสซิสต์ได้ขยายอำนาจยึดกรุงโรม และเบนิโต มุสโสลิก็ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปีนี้หลังจากที่ได้เป็นตัวแทนไปประชุมคอมมิวนิสต์สากลที่กรุงมอสโกในปี ค.ศ. 1922 ต่อมาคือในปี ค.ศ. 1924 กรัมชีได้เดินทางไปยังกรุงเวียนนาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของเขา และในปีนี้เองที่ลูกชายคนแรกของเขา "เดลิโอ" (Delio) ได้เกิด ก่อนที่ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 ภรรยา และลูกได้ย้ายมาอยู่กับกรัมชีที่กรุงโรม

ชีวิตในคุก ค.ศ. 1926-1937

ช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดของกรัมชีคือช่วงชีวิตของการเป็นนักโทษการเมือง ในช่วงสมัยฟาสซิสต์ ทั้งนี้ในปี ค.ศ. 1926 กรัมชีและครอบครัวได้อพยพลี้ภัยการเมืองจากการคุกคามของฝ่ายฟาสซิสต์ไปยังชายแดนสวิตเซอร์แลนด์แล้ว แต่กรัมชีได้กลับไปยังกรุงโรมอีกครั้ง เนื่องจากการที่เขามองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ถูกจับเนื่องจากเขาได้รับสิทธิคุ้มกันเนื่องจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่กรัมชีก็ถูกจับโดยฝ่ายฟาสซิสต์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926 และถูกส่งไปยังคุกต่างๆ และไม่ได้รับอิสรภาพอีกเลยจนวาระสุดท้ายของชีวิต. ปีเดียวกับที่กรัมชีถูกจับกุมนี้เองลูกชายคนที่สองของเขา "จูเลียโน" (Giuliano) ได้เกิด โดยที่กรัมชีจะไม่มีโอกาสได้เจอลูกชายคนที่สองของเขาเลยต่อมาในปี ค.ศ. 1928 เขาถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี 4 เดือน กับอีก 5 วัน กรัมชีใช้ชีวิตในเรือนจำหลายที่จนกระทั่งปี ค.ศ. 1933 เขาจึงได้ย้ายออกไปรักษาตัวที่คลินิกเล็กๆ ในเมืองฟอร์เมีย เนื่องจากอาการป่วย และสุขภาพทรุดโทรมอย่างหนัก เขาใช้เวลาช่วงไม่กี่ปีสุดท้ายของชีวิตไปกับการรักษาอาการป่วยที่คลินิกอีกหลายแห่ง จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาได้มาถึงเมื่อวันที่ 27 เมษายน 1937 รวมอายุได้ 47 ปี

ใกล้เคียง